เผยที่มาฉลองพระองค์ “พระราชินีสุทิดา” สุดงามสง่า “ผ้าไหมมัดหมี่ลวดลายขอก่าย” ทรงสวมใส่ร่วมพิธีเจิมเทียนรุ่ง เนื่องในพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลมาฆบูชา พุทธศักราช 2564
จันทร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ 2564 เวลา 10.50 น.
เมื่อวันที่ 22 ก.พ. แฟนเพจเฟซบุ๊ก We love สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี ได้โพสต์ภาพ สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี เสด็จออก ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ทรงร่วมพิธีเจิมเทียนรุ่ง เนื่องในพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลมาฆบูชา พุทธศักราช 2564 โดยระบุว่า ฉลองพระองค์ผ้าไหมมัดหมี่ลวดลายขอก่าย (ก่าย ภาษาอีสาน หมายถึง พาดหรือทับข้างบน)
มัดหมี่ ภาษาอังกฤษเรียกว่า tie – and – dye ซึ่งแปลว่ามัดและย้อม แต่มักนิยมเรียกว่า ikat ซึ่งเป็น คำภาษาชวา-ฉลองพระองค์ผ้าไหมมัดหมี่ลวดลายขอก่าย หมายทางหัตถกรรมเป็นการทอผ้ามัดหมี่ และภาษาอินเดียเรียกมัดหมี่ว่า พันธนะ ซึ่งก็แปลว่า ผูกมัด เช่นเดียวกัน
“มัดหมี่” การมัดย้อมด้ายหรือเส้นไหมให้เกิดสีและลวดลาย แล้วจึงนำไปทอเป็นผ้า แบ่งออกเป็น 3 ชนิด คือมัดหมี่เส้นพุ่ง มัดหมี่เส้นยืน และมัดหมี่เส้นพุ่งและเส้นยืน ลักษณะเฉพาะของผ้ามัดหมี่ คือ รอยซึมของสีที่วิ่งไปตามบริเวณของลวดลายก็ไม่ถูกมัดโดยเชือกหรือวัสดุที่ติดสี และการเหลื่อมล้ำในตำแหน่งของเส้นด้ายทำให้เกิดลักษณะลายที่คลาดเคลื่อนต่างจากการทอผ้าชนิดอื่นๆ
ผ้ามัดหมี่ที่มีชื่อเสียงเรื่องความงามของเส้นไหมและลวดลายที่มีอิทธิพลมาจากเขมร ได้แก่ ผ้าไหม จังหวัดสุรินทร์ ผ้ามัดหมี่ไทครั่งของอุทัยธานี ชัยนาท พิจิตร สุพรรณบุรี นิยมใช้สีแดงครั่ง ทอด้วยเส้นไหมซึ่งเป็นลักษณะพิเศษเฉพาะกลุ่ม บางผืนทอสลับเทคนิค เช่น ทอมัดหมี่คั่นด้วยลายขิด ต่อเชิงลายจกเป็นเทคนิคที่นิยมในหมู่ชาวเขา ชาวไทลื้อ เมืองน่าน เรียกว่า “มัดก่าน” หรือ “คาดก่าน”
มัดหมี่ลวด หรือ หมี่ลวด เป็นเทคนิคการวนเส้นไหมก่อนนำมามัด ซึ่งการมัดหมี่ลวด สันนิษฐานจากการกร่อนคำ คือคำว่ามัดหมี่ “ลวดเดี๋ยว” เหลือเป็น “มัดหมี่ลวด” ส่วนชื่อเรียกอีกอย่างสำหรับหมี่ลวดคือหมี่ล่วง เป็นการเรียกชื่อผ้าลวดอีกกลุ่ม เพื่อให้แตกต่างกันในกลุ่มหมี่ลวด หมี่ล่วงจะเป็นการทอหมี่ลวดแต่เพิ่มตาขั้นลงไปขั้นหมี่แต่ละลำเพียงหนึ่งสอดเท่านั้นเพื่อให้ลายหมี่ที่มัดในแต่ละลำสวยงามและชัดเจนมากขึ้น โดยตาสอดนั้นไม่ได้ไปทำลายหรือเด่นจนทำให้ลวดลายหมี่ลวดดูด้อยลงไปและไม่ทำให้ลวดลายหมี่ลวดแยกกันในผืนผ้า..