พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมคณะเดินทางลงพื้นที่จังหวัดพิจิตร ณ โรงพยาบาลบึงนาราง
โดยนายกรัฐมนตรี ระบุว่า ตนยินดีที่ได้มาพบกับประชาชนชาวพิจิตร พร้อมแนะนำรัฐมนตรีที่เดินทางร่วม และแนะนำส.ส.ซึ่งเป็นผู้แทน ผมมีความผูกพันกับทุกท่านอยู่แล้ว ดีใจที่ได้มาขอโทษที่ใช้ระยะเวลาในการเดินทางตั้งแต่เช้า เกินเวลาไปมากพอสมควร ประเทศไทยเป็นประเทศแห่งรอยยิ้ม ยิ้มสยาม Land of smile ยิ้มไว้ก่อน จะเอาชนะทุกอย่างได้ด้วยการทำความดีกุศลต่อคนอื่น พร้อมระบุว่าวันนี้ตนมาเรื่องราชการแต่ใจอยู่กับท่านผมดูแลคนทั้งประเทศ การทำงานหลายอย่างก็ขับเคลื่อนกระทรวงขึ้นมา มีขั้นตอนกลั่นกรองมา
โดยในช่วงหนึ่งนายกรัฐมนตรีได้กล่าวติดตลกว่า ตนนึกไม่ออกตอนพูดมาเยอะแล้วตอนเช้า ทุกทีท่านก็ฟังผมพูดเยอะในโทรทัศน์ นั่นไม่ใช่ตัวตนผม ตัวตนผมเป็นแบบนี้ ในทีวีดูบางทีก็แก่ไปนิด หน้างอไปบ้าง นิสัยผมไม่ใช่คนแบบนั้น มันต้องมีอะไรทำให้ผมหน้างอสักอย่างก็ธรรมดามนุษย์ผมก็คนมันธรรมดาเหมือนกัน
ขณะเดียวกันนายกรัฐมนตรียังกล่าวถึง ความแตกต่างกันของคนในสังคมโดยระบุว่า คนรวยก็ต้องเสียสละบ้างช่วยดูแลประชาชนบ้าง แต่ก็ยังคงไม่พอรัฐบาลอยู่มาหลายปีแล้ว มีจังหวัดอยู่ 77 จังหวัดเพราะฉะนั้นทุกคนมีรายได้ที่ต่างกัน สิ่งแรกที่เราต้องสิ่งแรกที่เราจะทำให้ทุกคนมีเท่ากันคือความเท่าเทียมทางโอกาส ทำให้รวยเท่ากันไม่ได้แต่ทำให้ทุกคนพอมีพอกินพออยู่พอใช้และเข้มแข็ง นั่นคือหลักการของรัฐบาล หากนึกดูว่าวันนี้เราไปไหนมาไหนก็สรุปขึ้นหรือไม่ หลายอย่างเกิดขึ้นมาแล้วในประเทศ การแก้ไขปัญหาอะไรก็ตามจะต้องไม่สร้างปัญหาใหม่ในอนาคต ผมเองก็บริหารงานมารู้ว่าอะไรคืออะไร อะไรคือปัญหาสาเหตุว่าจะแก้ได้อย่างไร
โดยนายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงการแก้ไขปัญหาโควิด 19 โดยระบุว่า เราฟันฝ่าอุปสรรคปัญหาโควิดมาได้อย่างยอดเยี่ยม มีผู้เสียชีวิต เจ็บป่วย ก็เป็นเรื่องที่เราต้องเสียใจ แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือทำให้ส่วนใหญ่เป็นปกติ ยิ้มแย้มแจ่มใสตรงนี้ ได้แต่ควรเสียชีวิต เราเสียใจกับเขา รัฐบาลไม่ต้องการให้คนเสียชีวิตสักคน ซึ่งทั้งหมด ไม่ใช่เพราะผมคนเดียว แต่เพราะประชาชนร่วมมือกัน ทุกคนอยากจะมีอยากจะได้อยากจะใช้แต่จะทำอย่างไรให้ทุกคนนั้นพอเพียง เราไม่สามารถยกหนี้ให้ใครได้ทั้งหมด เพราะไม่ใช่เงินของเราเป็นนเงินของธนาคาร การทำงานให้คนเยอะๆ ต้องยอมรับว่าใช้เวลาอยู่เหมือนกัน นอกจากนี้ยังยืนยันในการทำงานของรัฐบาลอีกว่า ผมจะทำให้เต็มที่ใครไม่ดีก็บอกมา จะเดินหน้าอย่างไรก็ตามต้องเดินหน้าตามระบบประชาธิปไตย แต่วันนี้ผมก็ทำงานมาให้เยอะพอสมควรแล้ว ขอให้ทุกคนใคร่ครวญคิดให้ดีก็แล้วกัน ผมไม่ยุ่ง
ขณะเดียวกันนายกรัฐมนตรียังแซวชาวพิจิตรว่า เป็นคนเรียบร้อย ไม่มีใครซักถามอะไรเงียบๆไม่เหมือนคนนครสวรรค์ นั่งตัวตรงไม่เหมือนเมื่อเช้าที่จังหวัดนครสวรรค์ส่งเสียงเย้วๆกัน พร้อมกลับยังกล่าวว่าประเทศไทยไม่เคยไม่รักกัน ผมไม่อยากให้มีปัญหาอีก เรามีประสบการณ์มาเยอะแยะแล้ว เพื่ออนาคตลูกหลานเรา ถ้าเราไม่ทำให้มันถูกต้อง ให้สมดุล ให้ถูกต้องตามกฎหมาย ผมไม่อยากให้เกิดขึ้น เรามีบทเรียนอยู่แล้ว
จากนั้นนายกมนตรีได้เดินเข้าไปทักทายประชาชนโดยมีประชาชนเข้ามาขอถ่ายรูป สวมกอดเป็นจำนวนมาก ช่วงหนึ่งประชาชนได้ขอให้ดูแล อสม. โดยนายกฯ ระบุว่า เดี๋ยวรับไป แต่อะไรที่ทำได้ก็จะทำให้ แต่ถ้าทำไม่ได้จะพาลล่มกันทั้งระบบ ส่วนที่ร้องขอมา ซึ่งก็แล้วแต่ว่าใครจะได้เข้ามาทำงาน
ขอให้ประชาชนต่างเชื่อมั่นซึ่งกันและกัน ตนเป็นคนแบบนี้ พร้อมย้ำว่าทุกอย่างจะต้องมีกติกา มีหลักเกณฑ์
โดยระหว่างนั้นประชาชนได้ตะโกนว่าขอโครงการคนละครึ่งได้อีกไหม นายกรัฐมนตรีระบุ นายกพูดไม่ได้ วันนี้มาในนามนายกพูดเป็นอื่นไม่ได้ วันนี้พูดจากใจ ก่อนที่ประชาชนจะย้ำอีกว่าขอโครงการคนละครึ่งค่ะท่านนายก นายกรัฐมนตรีระบุก็ว่ากันต่อไปอยู่แล้ว จะทำอะไรทุกอย่างจะต้องคิดให้รอบคอบทุกเรื่อง
โดยระหว่างที่นายกพบประชาชนมีประชาชนตะโกนขึ้นตลอดเวลาว่าลุงตู่อยู่ต่อ ก่อนที่พลเอกประยุทธ์ระบุว่ามาวันนี้เพราะต้องการความเข้าใจ ว่านายกฯเป็นอย่างไร เราต้องร่วมมือฟันฝ่าอุปสรรคให้ได้ประเทศไทย ไม่อย่างนั้นไปต่อไม่ได้ ก่อนจะบอกว่า จะต่อไม่ต่อไม่รู้ แต่จะทำให้ดีที่สุด
ขอให้ช่วยกันปกป้อง 3 สถาบันหลักของชาติ
โดยในช่วงช้ายมีประชาชนกลุ่มหนึ่งมายืนให้การต้อนรับด้วยตะโกนว่า ลุงตู่ทหารเสือผู้จงรักภักดี ลุงตู่เลือกสีม่วง ไปต่อประเทศไทย ไม่เกี่ยวกับการเมือง รักลุงตู่ นายก ก็ตอบกลับว่าครับผม ก่อนที่ประชาชนจะตอบกลับว่าไปตอบประเทศไทยพวกเราคือครอบครัวทหารราบ ซึ่งนายกได้เซ็นรูปถ่ายกับครอบครัวทหารราบ ก่อนที่จะพูดภาษาอีสานทักทาย และรับมอบเหรียญหลวงพ่อเงิน และอุ้มเด็กที่หลับอยู่ เดินไปมา มีสีหน้าที่อ่อนโยน ก่อนที่จะบอกว่าหลับเดี๋ยวลุงพากลับบ้าน