พล.ต.ต.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รอง ผบช.ภ.6 ในฐานะผู้ช่วย ผอ.ศูนย์ปราบปรามการโจรกรรม รถยนต์ รถจักรยานยนต์สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปจร. ตร.)และหัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการส่วนกลาง ชุดปฏิบัติการที่ 1 พร้อมด้วย พ.ต.อ.ทิวา โสภาเจริญ รอง ผบก.ภ.จว.พิจิตร., พ.ต.อ.สุริเดช วรรณสุทธิ์ รอง ผบก.ภ.จว.ร้อยเอ็ด,พ.ต.อ.ไกลเขต บุรีรักษ์ รอง ผบก.ภ.จว. สิงห์บุรี,พ.ต.อ.นรวัตน์ คำภิโล ผกก.2 บก.ปส.1,พ.ต.อ.อิทธิพล เนตรไธสง ผกก.ฝอ.4 บก.อก.ภ.4 พ.ต.ต. ศราวุธ อยู่สบาย สว.กก.6 บก.ปคม.และเจ้าหน้าที่ศปจร.ตร. ชุดที่ 1 นำหมายค้นศาลอาญา ที่ 467/2564 ลง 17 มิถุนายน 2564 เข้าตรวจค้นอู่รถยนต์แยกชิ้นส่วนรถยนต์ผิดกฎหมาย และมีการสวมซากรถยนต์ ที่อู่เอ็มขายอะไหล่รถยนต์มือสอง และในตำบลพิกุลนอก อำเภอบ้านนา จังหวัดนครนายก ผลการตรวจค้นสามารถตรวจยึดทรัพย์สิน ประกอบด้วยรถยนต์ 40 คัน, ซากรถยนต์ 78 คัน, เครื่องยนต์รถยนต์ 45 เครื่อง, อะไหล่ชิ้นส่วนอื่นๆ หลายร้อยรายการ รวมมูลค่ากว่า 10 ล้านบาท
สืบเนื่องจาก พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.ได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ ที่ปรึกษาพิเศษ ตร.ทำหน้าที่ผู้อำนวยการปราบปรามการโจรกรรมรถยนต์ รถจักรยานยนต์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปจร.ตร.) ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ศปจร.ตร.สืบสวนปราบปรามอู่รถยนต์ที่แยกชิ้นส่วนรถยนต์ผิดกฎหมาย และมีการสวมซากรถยนต์ เจ้าหน้าที่ได้สืบจนทราบว่า อู่เอ็มขายอะไหล่รถยนต์มือสอง มีรถยนต์จำนวนหลายคันทั้งติดแผ่นป้ายทะเบียน และไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน รวมถึงมีซากรถยนต์จำนวนมากจอดอยู่บริเวณรอบอู่ดังกล่าว และบริเวณบ้านเลขที่ 101 หมู่ 8 ตำบลพิกุลนอก อำเภอบ้านนา จังหวัดนครนายก ซึ่งมีข้อมูลน่าเชื่อว่า เป็นรถยนต์ที่ได้ใช้ในการกระทำความผิดหรือได้มาจากการกระทำความผิด
จากการสืบสวนทราบว่า มีนายอรรถพันธ์ (สงวนนามสกุล) และนางอมรพัสส์ (สงวนนามสกุล) เป็นเจ้าของและผู้ดูแลกิจการ ต่อมาได้ตรวจสอบพบว่า นายอรรถพันธ์ มีการใช้สื่อสังคมออนไลน์ผ่านเฟซบุ๊กโดยใช้ชื่อว่า อู่เอ็มขายอะไหล่รถยนต์มือสอง โดยนายอมรพัสส์มีการโพสต์ขายอะไหล่รถยนต์ และแจ้งรับทำเพลทรถยนต์ (รหัสตัวเลขประจำตัวถัง และเครื่องยนต์) ชนิดต่างๆ หลายชนิด น่าเชื่อว่า อู่ดังกล่าวได้มีการแยกชิ้นส่วนรถยนต์ผิดกฎหมาย และมีการสวมซากรถยนต์จริง จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อเข้าตรวจค้นสถานที่ดังกล่าว
ผลการตรวจค้นพบนายอรรถพันธ์ หรือเอ็ม (สงวนนามสกุล) อายุ 40 ปี แสดงตัวเป็นเจ้าของอู่ มีพฤติการณ์รับซื้อซากรถยนต์จำนวนหลายคัน เพื่อจะนำมาประกอบขึ้นเป็นคันใหม่แล้วนำมาขายเป็นรถยนต์สภาพดี และพบแผ่นป้ายตัวถังซึ่งสั่งทำทางไปรษณีย์พร้อมจัดส่ง นอกจากนั้นจากการตรวจรถยนต์ที่จอดบริเวณอู่ดังกล่าว ยังพบอีกสองคันซึ่งมีเลขตัวถังตรงกันกับรถยนต์คันอื่นๆ และถูกใช้งานอยู่ในพื้นที่อื่นอีกด้วย จึงได้ตรวจยึดทรัพย์สินได้ดังกล่าว
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบที่มาและความถูกต้องของรถยนต์ในบริเวณดังกล่าว รวมทั้งจะได้ขยายผลพฤติกรรมการกระทำผิดที่เกี่ยวข้องต่อไป
หากพี่น้องประชาชนพบเบาะแสเกี่ยวกับผู้ที่มีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับการโจรกรรมรยนต์ หรือรถจักรยานยนต์ หรือการลักลอบกระทำผิดดังกล่าว สามารถแจ้งข้อมูลได้ที่ ศูนย์ปราบปรามการโจรกรรมรถยนต์ รถจักรยานยนต์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปจร.ตร.) หมายเลขโทรศัพท์ 1192 หรือ 191 รวมถึงทางสื่อสังคมออนไลน์ที่ https:// www.facebook.com/police.lostcar/ ได้ตลอด 24 ชั่วโมง