วันจันทร์ ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2565, 06.00 น.
หยุดปั่นกระแสนายกฯ8ปี
รุมสับเพือไทย
ให้รอฟังคำวินิจฉัยศาลรธน.
‘แรมโบ้’ซัดชลน่านอย่าตีกินการเมือง
ยืนยัน‘บิ๊กตู่’ไม่มีวันลาออกจากนายกฯ
‘ธนกร’จี้หยุดปลุกปั่น/ทำสังคมขัดแย้ง
พท.เบรกม็อบจัดชุมนุมเข้าทางทหาร
‘ปชป.’ลุยพิจิตรประกาศไม่สูญพันธุ์
ซีกรัฐบาลไล่กระหน่ำพรรคเพื่อไทย หยุดปั่นกระแสนายกฯ 8 ปีแนะให้รอฟังคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญเท่านั้น ในขณะที่เพื่อไทยตามเขย่ารายวัน แต่ดักคอม็อบอย่าออกมาชุมนุม เดี๋ยวทหารปฏิวัติอีก ด้าน“หมอชลน่าน”ฝันกลางวัน“บิ๊กตู่”ลาออก“จุรินทร์”ลุยเหนือ ยันจังหวัดพิจิตร“ปชป.”ไม่มีวันสูญพันธุ์ ส่วน“สร้างอนาคตไทย”ชู“สมคิด”นั่งนายกฯส่งสส.ครบทั้ง 400 เขต
เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม นายธนกร วังบุญคงชนะ อดีตโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยยังคงวิพากษ์วิจารณ์เรื่องการดำรงตำแหน่ง 8ปี ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรมว.กลาโหมว่า อยากขอให้ทุกฝ่ายอย่าก้าวล่วงอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญ อย่าออกมาพูดชี้นำเพื่อสร้างความสับสนให้กับประชาชน การทำให้ประชาชนสับสนเพื่อแลกกับการได้มีชื่อออกหน้าสื่อรายวันนั้น ไม่คุ้มเลย มีแต่จะทำให้บ้านเมืองขัดแย้ง วันนี้ประเทศก้าวข้ามความขัดแย้งของคนไทยด้วยกันเองมาไกลขนาดนี้แล้ว อย่าพยายามดึงกลับไปจุดเดิมอีกเลย
ทางที่ดีควรรอฟังคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญจึงจะเหมาะสมที่สุด ไม่ใช่ออกมาขู่ว่าจะชุมนุม ซึ่งไม่ต่างอะไรกับการเคลื่อนไหวกดดัน ถือว่าไม่เหมาะสมและไม่ถูกต้องอย่างยิ่ง ทั้งนี้ ยืนยันว่า ท่านนายกฯ เป็นชายชาติทหาร พร้อมน้อมรับคำตัดสินของศาล และจะไม่ทำพฤติกรรมเหมือนอดีตนายกฯ บางคน ที่ไม่พอใจคำตัดสินก็หนีไปต่างประเทศ แล้วให้สัมภาษณ์ด้อยค่าคำวินิจฉัยเพื่อเรียกคะแนนสงสารเป็นรายวันอย่างแน่นอน
‘ธนกร’ตามสับ”สมชัย ศรีสุทธิยากร”
ส่วนกรณีที่นายสมชัย ศรีสุทธิยากร ประธานยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนนโยบายพรรคเสรีรวมไทย ระบุว่า เชื่อว่าศาลจะใช้เวลาไม่นาน เพราะเรื่องการดำรงตำแหน่ง 8 ปีของนายกฯ เป็นประเด็นทางกฎหมาย ไม่มีประเด็นที่ต้องแสวงหาข้อมูลหลักฐานพยานมาพิสูจน์อะไรอีก แต่หากมีผลออกมาให้ท่านนายกฯ ทำหน้าที่ต่อ เชื่อว่าจะเกิดความวุ่นวายแน่นอนนั้น นายธนกร กล่าวว่า นายสมชัยเป็นถึงอดีต กกต.มีความรู้ทางกฎหมายเป็นอย่างดี ย่อมทราบดีว่าการออกมาพูดว่า หากให้ท่านนายกฯ ทำหน้าที่ต่อ เชื่อว่าจะเกิดความวุ่นวายนั้น เท่ากับการก้าวล่วงอำนาจศาล เข้าข่ายชี้นำอย่างชัดเจน ตนไม่อยากเห็นนายสมชัยใช้ความรู้ทางกฎหมายในลักษณะนี้ อะไรที่พูดแล้วคิดว่าตัวเองได้แต้มก็พูดหมด ไม่สนหลักการอะไรทั้งนั้น
ทางที่ดี ควรดูนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ที่คนไทยต่างยกให้เป็นกูรูทางกฎหมาย ท่านไม่เคยออกมาชี้นำใดๆ ยกเว้นพวกตะแบงที่ชอบเอาคำสัมภาษณ์ของท่านไปแถว่าเป็นการชี้นำ และท่านก็ไม่เคยออกมาตอบโต้ใดๆ กับคนที่กระแนะกระแหนท่าน เพราะท่านอยู่ในฐานะผู้ใหญ่ที่น่าเคารพ ไม่ใช่ผู้ใหญ่ที่สร้างราคาเพื่อเรียกหาคนให้มาเคารพ ทั้งนี้ เข้าใจว่านายสมชัยวนเวียนไปแล้วหลายพรรค แต่วันนี้ควรเลือกสักทางว่าจะเดินต่อไปในอนาคตแบบไหน จะให้คนเคารพในฐานะนักกฎหมายคนหนึ่ง หรือบ่นเสียดายที่ครั้งหนึ่งเคยให้ความเคารพ
รบ.วอนเพื่อไทยหยุดปั่นกระแส
น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ ประสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีนายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย กล่าวหาท่านวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีชี้ช่องให้นายกฯ อยู่รักษาการต่อไปว่า สิ่งที่ท่านวิษณุได้ชี้แจงเป็นการตอบคำถามของนักข่าวตามหลักกฎหมายและอธิบายกฎหมายให้เข้าใจได้ง่าย ส่วนที่นายสมคิดเองเออเองว่าเป็นการชี้ช่องนั้น อาจเป็นเพราะคำตอบตามหลักกฎหมายนั้นไม่ถูกใจนายสมคิดจึงแสดงความไม่พอใจในคำตอบและบิดเบือนความเห็นทางกฎหมายให้สังคมกังขาการรักษาการตำแหน่งนายกรัฐมนตรี การปั่นกระแสสังคมที่อยู่เกิน 8ปีไม่ได้ ในห้วงเวลานี้ เป็นปัญหาที่ต้องไปตีความตัวบทกฎหมาย ขึ้นอยู่กับการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ที่เป็นองค์กรอิสระและมีหน้าที่วินิจฉัย ไม่ใช่หน้าที่ของ ส.ส.เพื่อไทยหรือฝ่ายใดที่จะวินิจฉัยตีความให้สังคมสับสน
น.ส. ทิพานัน กล่าวต่อว่า ส่วนที่จะให้ พล.อ.ประยุทธ์ ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีโดยไม่ต้องฟังคำวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายจากศาลรัฐธรรมนูญนั้น แสดงให้เห็นว่า ส.ส.พรรคเพื่อไทย ไม่ต้องการเคารพกระบวนการยุติธรรมอย่างนั้นหรือ ยิ่งตอกย้ำภาพลักษณ์ที่มีอดีตหัวหน้าพรรค ทั้งนายทักษิณและน.ส.ยิ่งลักษณ์ ละเมิดกระบวนการยุติธรรม เช่น กรณีพยายามติดสินบนตุลาการรวมถึงหลบหนีการดำเนินคดีและการลงโทษคดีทุจริตต่างๆ โดยไม่เคารพกฎหมายใช่หรือไม่
ถกเอเปกไม่เกี่ยววาระ8ปีนายกฯ
ส่วนการจัดการประชุมเอเปคนั้น เป็นวาระล่วงหน้าที่วางแผนไว้ตามกำหนดและอยู่ในวาระของรัฐบาลตามปกติ พล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้ใช้เป็นข้ออ้างเพื่อดำรงตำแหน่งนายกฯ แต่อย่างใด ยิ่งไปกว่านั้นงานประชุมดังกล่าวท่านนายกฯ ตั้งใจอย่างเต็มที่ที่จะเป็นเวทีที่สร้างโอกาสและรายได้ให้กับคนไทยและแสดงศักยภาพขีดความสามารถ ในการแข่งขันของประเทศชาติที่จะดึงดูดนักลงทุนและการค้าระหว่างประเทศ คนไทยทุกคนกำลังรอคอยโอกาสนี้ร่วมกันที่จะเป็นเจ้าภาพต้อนรับผู้นำประเทศต่างๆ และยังเป็นโอกาสที่จะลบภาพจำอันเลวร้ายที่กลุ่ม นปช. เคยทำลายชื่อเสียงของประเทศชาติโดยการขัดขวางการประชุมอาเซียนเมื่อปี 2552 ที่ผ่านมา”น.ส. ทิพานัน กล่าว
เบรกม็อบโผล่ห่วงทหารยึดอำนาจ
นส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ส.ส.กทม.และโฆษกพรรคเพื่อไทยเป็นตัวแทนพรรคเพื่อไทย ตอบคำถามต่างๆว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้ เป็นต้นเหตุของปัญหา หากยังแก้ไขไม่ได้ ไม่มีทางประชาธิปไตยจะสมบูรณ์แบบ ต้องกำจัด250สว.ออกไป หากสว.ยังอยู่ จะแก้ปัญหาไม่ได้ ที่ถามว่าหากพล.อ.ประยุทธ์ ยังอยู่ จะเดินหน้าอย่างไร ถ้าเป็นสมัยก่อน คงมีการลากเก้าอี้ พาคนไปเดินขบวน แต่ขอเรียนให้ทราบว่า จะไม่ทำให้การพัฒนาสมบูรณ์แบบ พัฒนาอย่างยั่งยืน เพราะจะทำให้มือที่สาม ทหารมายึดอำนาจประชาชนอีก
แต่เส้นทางที่จะทำคือ รอวันเลือกตั้ง ใช้ปากกาฆ่าเผด็จการ เพื่อบอกว่า อะไรคือสิ่งที่เราต้องการ เป็นทางที่บอกว่า จะได้ประชาธิปไตยที่ดีขึ้น ส่วนที่มีคนบอกว่า การเลือกตั้ง เกิดการซื้อสิทธิ์ขายเสียง มีการใช้เงินเป็นจำนวนมาก วันนี้เราอาจจะพึ่งพาองค์กรอิสระไม่ได้ ดังนั้นภาคประชาชน เป็นกำลังสำคัญในการต่อต้าน ซื้อสิทธิ์ขายเสียง แม้เอาเงินมาให้ แต่ก็จะเลือกคนที่ทำงานให้ประชาชน คนที่อยู่ฝ่ายประชาธิปไตย ขอยืนยันระบบบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ และการคำนวนส.ส.บัญชีรายชื่อด้วยการหาร 100
“ชลน่าน”ตามถล่มรัฐบาล’บิ๊กตู่’
นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม อาจต้องพ้นจากตำแหน่งนายกฯ ในส่วนของพรรคเพื่อไทย เหลือเพียง นายชัยเกษม นิติสิริ คนเดียวที่อยู่ในบัญชีนายกรัฐมนตรีหรือไม่ ว่า หากพล.อ.ประยุทธ์ พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ขั้นตอนต่อไปคือการเลือกนายกฯตามรัฐธรรมญู มาตรา 158 และ มาตรา 159 ถ้าเลือกไม่ได้ก็ดำเนินการตามมาตรา 272 ทั้งนี้พรคคพท.ต้องส่งนายกฯแคนดิเดตที่อยู่ในบัญชีของพรรคฯ แต่ยังไม่ได้ปรึกษาหารือกัน ซึ่งรายชื่อของพรรคพท.ในขณะนี้มี 3คน แต่โดยความชอบธรรมแล้ว เมื่ออีก 2 คนไปทำหน้าที่อื่นก็เหลือ นายเกษม เพียงคนเดียว
ส่วนความเป็นไปได้ที่พรรคจะเสนอรายชื่อนายกฯคนนอกบัญชี กรณีถ้าสภาฯเลือกคนในบัญชีไม่ได้ ไม่ว่าจะเลือกกี่ครั้งก็ไม่ได้ ถึงจะเปิดช่องให้เอาคนนอกบัญชีมาเป็นนายกฯได้ หากเสียง 2 ใน 3 ของสภาฯเห็นชอบก็สามารถเลือกได้ และถ้าเลือกได้ก็จบ แต่ถ้าไม่ได้ก็ต้องเลือกอยู่อย่างนั้น ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าจะเลือกวนรอบอยู่อย่างนั้นจนหมดวาระสภาฯ ในวันที่ 23 มีนาคม 66
เมื่อถามว่าหากต้องเสนอนายกฯคนนอกบัญชีพรรคพท.เตรียมคนไว้หรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เรื่องนี้ยังไม่ได้ปรึกษาหารือกัน เพราะเรามีคนในบัญชีเราจึงต้องส่งคนในบัญชีก่อน เมื่อถามย้ำว่าจะมีการเสนอชื่อของน.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวพรรคเพื่อไทย เป็นแคนดิเดตนายกฯคนนอกของพรรคพท.หรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ไม่น่าจะเหมาะในสถานการณ์อย่างนี้ ส่วนชื่อของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ จะเหมาะกับการเป็นนายกฯคนนอกบัญชีหรือไม่ ก็ไม่ใช่หน้าที่ของพรรคเพื่อไทย
ฝัน”บิ๊กตู่”ลาออกจากนายกฯ
“ถ้าผมเป็น พล.อ.ประยุทธ์ ผมจะออกอย่างเท่ที่สุด เย็นวันที่ 23 สิงหาคม ผมจะออกประกาศแถลงการณ์จากสำนักนายกรัฐมนตรี เลยว่า กราบเรียน พี่น้องประชาชน ผมพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผมจะหมดวาระตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ในเวลา 24 นาฬิกา ของวันนี้ ขอให้ทางรัฐสภาดำเนินการเลือกตั้งนายกฯคนต่อไปได้ อย่านี้ทุกคนก็จะปรบมือให้ นี่คือมโนธรรมสำนึกความรับผิดชอบ เคารพหลักนิติธรรม แล้ว พล.อ.ประยุทธ์จะอยู่ในใจพี่น้องประชาชน และกลไกลหลังจากนั้นจะดีไม่ดีหรือเลวร้ายค่อยว่ากัน ซึ่งผมฝันว่าพล.อ.ประยุทธ์จะประกาศออกจากตำแหน่งอย่างสง่างามเพราะเป็นทางที่ดีที่สุด สำหรับประเทศ พล.อ.ประยุทธ์ และสถาบันตุลาการก็รอดตัวไม่ต้องวินิจฉัย” นพ.ชลน่าน
เมื่อถามย้ำว่า แสดงว่าในวันที่ 23 สิงหาคม งบฯ66 จะไม่ผ่านวาระ 3 ร่างพรบ.งบประมาณรายจ่ายปี66 ใช่หรือไม่ น.พ.ชลน่าน กล่าวว่า ในประเทศไทยอะไรก็เกิดขึ้นได้ เพราะงบประมาณอาศัยเสียงข้างมาก ถ้าเสียงข้างมากถูกบงการมาว่า เอาช่องทางนี้ก็เป็นไปได้ทั้งหมด
จุรินทร์เปิดตัวผู้สมัครสส.พิจิตร
ที่ท่าข้าววังทรายพูน จ.พิจิตร นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ไปร่วมงานเพื่อแสดงความยินดีกับนายไพฑูรย์ แก้วทอง อดีต ส.ส.จังหวัดพิจิตร อดีต รมต.แรงงาน ได้รับเกียรติเป็น “ราษฎรอาวุโส เมืองพิจิตร” และร่วมอวยพรวันเกิดครบรอบ 86 ปี พร้อมเปิดตัวผู้สมัคร ส.ส.ภาคเหนือ พรรคประชาธิปัตย์ ที่ท่าข้าววังทรายพูน อ.วังทรายพูน จ.พิจิตร
นายจุรินทร์ กล่าวว่า ประชาธิปัตย์ผูกพันกับพี่น้องชาวภาคเหนือมายาวนาน ปี 2489 มีผู้ก่อตั้งพรรคประชาธิปัตย์ที่เป็นผู้แทนราษฎรภาคเหนือ ถึง 10 คน และคนสำคัญคนหนึ่งคือ นายไพฑูรย์ แก้วทอง อดีต รมช.อุตสาหกรรม อดีต รมช.พาณิชย์ อดีต รมต.แรงงาน และวันนี้ได้รับตำแหน่งเป็นราษฎรอาวุโส เมืองพิจิตร พร้อมกับได้อวยพรครบรอบวันเกิด 86 ปี อาราธนาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ท่านเคารพนับถือ รวมทั้งหลวงพ่อเพชร ได้โปรดดลบันดาลประทานพรให้ท่านมีความสุข สุขภาพแข็งแรง เป็นกำลังสำคัญให้กับพวกเรา ชาวประชาธิปัตย์ทั้งที่จังหวัดพิจิตร ทั่วประเทศ และเป็นพลังสำคัญในการสร้างความเจริญรุ่งเรือง และเป็นผู้รับใช้พี่น้องชาวพิจิตรสืบไปชั่วกาลนาน
นายจุรินทร์ได้ตอบคำถามผู้สื่อข่าว ต่อความมั่นใจในการเปิดตัวผู้สมัครว่า ต้องมั่นใจทั้ง 2 ด้าน ทั้งด้านตัวบุคคลที่ลงสมัคร และนโยบายที่ได้เตรียมไว้สำหรับพี่น้องชาวพิจิตร สำหรับตัวบุคคลขณะนี้เราได้ตัวครบทั้ง 3 เขตแล้ว ประกอบด้วย พล.ท.ฉลวย แย้มโพธิ์ใช้, นายวรวุฒิ แก้วทอง และ ดร.มานพ เกตุเมฆ เที่ยวหน้าพิจิตร มี 3 เขต โดยมีท่านไพฑูรย์ แก้วทอง และรองหัวหน้าพรรคภาคเหนือ นายนราพัฒน์ แก้วทอง จะเป็นกำลังหลัก
เป้าหมายสำคัญทางภาคเหนือ
ผู้สื่อข่าวถามว่า จ.พิจิตรเป็นพื้นที่เป้าหมายของภาคเหนือหรือไม่นั้น หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ต้องถือเป็นหนึ่งในพื้นที่เป้าหมาย เพราะประชาธิปัตย์เคยได้ยกทีมมาแล้วใน จ.พิจิตร หลายครั้งหลายสมัย และเคยมีรัฐมนตรีมาแล้วหลายท่านในช่วงเวลาที่ผ่านมา เราก็หวังว่าแม้คราวที่แล้วจะไม่ได้รับเลือกตั้งเลย อาจจะเกิดเพราะอุบัติเหตุทางการเมืองที่เกิดขึ้นในหลายจังหวัด แต่เที่ยวหน้าโอกาสของเราก็มี ไม่ใช่ไม่มี
“เราถือว่าจังหวัดพิจิตร เป็นจังหวัดเป้าหมายจังหวัดหนึ่งในภาคเหนือของประชาธิปัตย์ โดยเฉพาะมีกำลังหลักอย่างท่านไพฑูรย์ และนายนราพัฒน์ ก็ทำให้เกิดความมั่นใจมากขึ้น การลงพื้นที่วันนี้ได้รับการต้อนรับดี และหลายจังหวัดก็มีลักษณะใกล้เคียงกัน แตกต่างจากช่วงต้นๆ หลังการเลือกตั้งใหม่ๆ ตอนนี้ในหลายพื้นที่หลายภาค หลายจังหวัด เสียงตอบรับประชาธิปัตย์ดีขึ้นมาก พิจิตรก็เป็นหนึ่งในนั้น” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าว
“ไพฑูรย์”มั่นใจปชป.ไม่สูญพันธ์
ด้าน นายไพฑูรย์ ระบุว่า ตนมั่นใจว่าพิจิตรไม่สูญพันธุ์ ครั้งที่แล้วเราเชื่อเพื่อนเรา ครั้งนี้เรามั่นใจ และอยู่ที่ประชาชน แต่เราไม่ซีเรียสถึงขนาดที่ว่าลงแล้วแพ้ไม่ได้ เราไม่พูดหรอก มันอยู่ที่ประชาชน แต่เรามั่นใจพรรคประชาธิปัตย์เคยยกจังหวัดภาคเหนือมาแล้วหลายจังหวัด สมัยที่ตนเป็นรองหัวหน้าพรรคภาคเหนือ ก็ได้ ส.ส. 10-20 คน ทุกครั้ง
‘สร้างอนาคตไทย’ส่งชิงสส.400เขต
นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ รองหัวหน้าพรรคสร้างอนาคตไทยและประธานภาคกรุงเทพ กล่าวว่า ขณะนี้ทีมงานกรุงเทพของพรรคมีความพร้อมที่จะเข้าสู่โหมดเลือกตั้ง โดยมีผู้แสดงความจำนงลงสมัครรับเลือกตั้งเต็มพื้นที่ครบทุกเขต ทีมงานเดินพบปะพี่น้องประชาชน ได้รับรู้ปัญหาความเดือดร้อน โดยเฉพาะเรื่องปากท้อง เศรษฐกิจที่ทรุดต่อเนื่อง ปัญหาสิ่งแวดล้อม การจราจรที่ติดขัดและปัญหาคุณภาพชีวิตที่ตกต่ำ ประชาชนส่วนใหญ่อยากเห็นการเปลี่ยนแปลง อยากให้มีการเลือกตั้ง เพื่อเปลี่ยนรัฐบาล
พรรคสร้างอนาคตไทย ยังเปิดรับสมัครผู้สนใจร่วมอุดมการณ์ทั่วประเทศ และมีแนวทางที่ชัดเจนว่าจะส่งครบ 400 เขตเลือกตั้ง และระบบบัญชีรายชื่อครบ 100 คน เพื่อเป็นกำลังสำคัญที่จะเสนอ ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เป็นนายกรัฐมนตรี และผลักดันการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจอย่างจริงจัง