ปาฏิหาริย์มีจริง “อัญชลี” ได้รับเงินช่วยเหลือจากกลุ่มคนผู้รักช้าง ดำเนินการโอนทรัพย์มรดกในเมืองของพ่อเลี้ยงชูชาติ กัลมาพิจิตร เจ้าของปางช้างแม่สาแล้วบางส่วน เพื่อแปรทรัพย์สินนำเงินมาประคองเลี้ยงพนักงานและช้าง 68 เชือก “ฐิติรัตน์” พร้อมทนายยินดีเจรจา และถือว่าจัดการมรดกโอนทรัพย์วันนี้เป็นนิมิตรหมายที่ดี ถึงพินัยกรรมจะระบุโอนได้เฉพาะอาคารหากมีการพูดคุยการโอนอาคารให้พร้อมที่ดินด้วยได้ ต้องการให้ปัญหาจบไว้ๆ
เมื่อวันที่ 29 ก.ย.2565 เวลา 09.30 น. นางอัญชลี กัลมาพิจิตร พร้อมทนายความได้เดินทางมายัง สนง.ที่ดินจังหวัดเชียงใหม่ ตามที่นางฐิติรัตน์ กัลมาพิจิตร ผู้จัดการมรดกร่วมได้ส่งเอกสารนัดหมายให้มาร่วมกันโอนมรดกเป็นครั้งที่ 2 ในเวลา 10.00 น. โดยระบุว่า จะโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินในเขต อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ให้แก่บริษัท ปางช้างแม่สา จำกัด ตามพินัยกรรมของนายชูชาติ กัลมาพิจิตร อันประกอบด้วย อาคารพาณิชย์ และกรรมสิทธิ์ห้องชุด อาทิเช่น อาคารสำนักงานถนนท่าแพ, ห้องชุดในคอนโดมิเนียม ต.ช้างคลาน และที่ดินพร้อมตึกแถว ต.ป่าตัน อ.เมือง จ.เชียงใหม่ อนึ่งในการจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินในวันนี้ นางฐิติรัตน์ กัลมาพิจิตร ผู้จัดการมรดกร่วมได้แจ้งให้ นางอัญชลี กัลมาพิจิตร (ในฐานะผู้จัดการมรดกร่วมและกรรมการผู้จัดการบริษัท ปางช้างแม่สา จำกัด) ว่า นางอัญชลี ต้องเป็นผู้หาและจัดเตรียมค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายต่างๆไปชำระให้แก่ สนง.ที่ดินจังหวัดเชียงใหม่เอง ทั้งๆที่ในพินัยกรรมของนายชูชาติ ได้ระบุใว้ชัดเจนว่า “บรรดาค่าใช้จ่ายต่างๆในการจัดการมรดกตามพินัยกรรมให้ผู้มีหน้าที่เบิกจ่ายค่าใช้จ่ายเหล่านั้นจากกองมรดกของข้าพเจ้าเท่าที่ใช้จ่ายตามความเป็นจริงก่อนที่จะทำการแบ่งทรัพย์มรดกให้แก่ทายาทผู้รับพินัยกรรม”
ผู้สื่อข่าวได้สอบถามนางอัญชลี ถึงเรื่องเงินที่จะต้องใช้จ่ายเป็นค่าธรรมเนียมการโอนที่ดินในวันนี้ ซึ่งนางอัญชลี บอกว่า ช่วงที่ผ่านมาตนได้แต่เดินสายทำบุญตามวัดต่างๆ เพื่ออุทิศส่วนบุญส่วนกุศลไปให้บิดาและญาติผู้ใหญ่ ที่ได้ล่วงลับไปแล้ว เพื่อให้ช่วยเหลือตนแก้ไขปัญหา การเงินของปางช้างแม่สา เพราะที่ผ่านมามีแต่ติดลบ โดยตนนั้นต้องบริหารปางช้างแม่สา มานานหลายปีโดยไม่สามารถใช้เงินที่บิดาตั้งใจมอบไว้ให้ปางช้างแม่สา ก็ได้รับข่าวดีถือว่าเป็นปาฏิหาริย์ก็เป็นได้เพราะมีกลุ่มผู้รักช้างได้ติดต่อช่วยเหลือด้านการเงินเกี่ยวกับการโอนที่ดินในวันนี้
“ในวันนี้ ตนได้นำเงินของ บริษัทฯมาเป็นค่าโอนทรัพย์สินตามที่นางฐิติรัตน์ ได้ระบุไว้ ซึ่งเป็นเงินจากกลุ่มผู้รักช้างที่ได้รวบรวมเงินสดมาช่วยเหลือตนในวันนี้ จำนวนห้าแสนบาท ตนจะไม่ลืมพระคุณเลย และในวันนี้ปางช้างแม่สา จะได้รับโอนที่ทรัพย์มรดกรวม 4 แปลง อาคารพาณิชย์, ห้องชุดคอนโดมิเนียม ซึ่งนอกจากจะอยู่ในเขต อ.เมืองแล้ว ยังมีห้องชุดในคอนโดฯที่ อ.สารภี อีกแห่งหนึ่งด้วย การโอนทรัพย์สินวันนี้ ถือเป็นก้าวแรกที่บริษัท ปางช้างแม่สา จำกัด จะเริ่มมีทรัพย์สิน โดยเปลี่ยนจากชื่อนายชูชาติ กัลมาพิจิตร (บิดาตน) มาเป็นบริษัท ปางช้างแม่สาฯ ตามพินัยกรรมของนายชูชาติ ได้ระบุเอาไว้ว่า ให้ขายทรัพย์สินเหล่านั้นเพื่อนำมาเป็นทุนของบริษัทฯ ตามขั้นตอน ตนจะต้องจัดประชุมผู้ถือหุ้นและประชุมกรรมการฯ เพื่อชี้แจงในประเด็นต่างๆเหล่านี้ ซึ่งตนได้คิดเตรียมการทุกเรื่องไว้ล่วงหน้าก็เป็นเพราะว่า เราไม่มีเวลา และไม่มีเงินอีกแล้ว
“ส่วนในวันที่ 18 ต.ค.ทนายนางฐิติรัตน์ ได้นัดโอนห้องชุดคอนโด 103 ที่ที่ดิน อ.สารภี และในวันที่ 19 ต.ค.ได้ส่งเอกสารนัดตนและทายาทไปร่วมกันตรวจสอบทรัพย์มรดกภายในบ้านล้านช้าง ต.แม่แรม อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ และในช่วงบ่ายได้นัดหมายเป็นครั้งที่ 3 ให้ไปร่วมกันโอนที่ดินใน เขต อ.แม่ริมอีกครั้ง หากตนมีเงินพอก็จะไปรับโอนที่ดินดังกล่าวทั้งหมด รวมถึงบ้านล้านช้างของบิดาด้วย ตนจะพยายามหาเงินมาเอง จะไม่รอเบิกเงินจากกองมรดก ซึ่งเรื่องนี้นางฐิติรัตน์ ประสงค์อย่างไร ตนก็จะทำไปตามนั้น ตอนนี้ตนต้องอดทนและพยายามแก้ไขปัญหาอย่างสุดความสามารถ เพื่อชีวิตของช้างจำนวน 68 เชือกและพนักงานอีกกว่า 100 คน ซึ่งช้างจะต้องมีอาหารกินวันละ 10 ตันทุกวัน ส่วนควาญช้างก็ต้องมีเงินเดือนจ่ายให้เขาทุกเดือน บิดาตนจากไปจะครบ 4 ปีแล้ว ในวันที่ 27 มกราคม ปี 2566 ตนคิดว่ามันถึงเวลาแล้วที่จะต้องสะสางปัญหาต่างๆในตระกูลกัลมาพิจิตร ให้สำเร็จ คนไหนผิดก็ว่ากันไปตามความผิด การยื้อเวลาไว้ มีแต่จะเสียหายหนัก” นางอัญชลี กล่าว
นางอัญชลี ได้เดินทางเข้าไปภายในสำนักงานที่ดินพร้อมกับทนายความ เพื่อพบกับนางฐิติรัตน์ กัลมาพิจิตร เพื่อขอดูโฉนด พร้อมดำเนินการรับโอนทรัพย์สินตามพินัยกรรมให้กับปางช้างแม่สาต่อไป โดยนางอัญชลี มีสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส ผิดกับวันนัดโอนที่ดินในครั้งแรกที่ประสบความล้มเหลวที่นัดโอนที่ดินครั้งแรกที่ สนง.ที่ดินแม่ริม อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ ซึ่งการโอนที่ดินทรัพย์สินในเมือง 4 แปลงครั้งนี้ มีมูลค่าประมาณ 30 กว่าล้านบาท
หลังจากนั้นผู้จัดการมรดกทั้งคู่ ได้จัดการโอนที่ดินซึ่งเป็นมรดกของพ่อเลี้ยงชูชาติ กัลมาพิจิตร เจ้าของปางช้างแม่สาที่เสียชีวิตไปแล้ว และได้ดำเนินการตามขั้นตอนของ สนง.ที่ดินจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อทำการโอนให้เป็นชื่อของผู้จัดการมรดกร่วมทั้งสองคนก่อน หลังจากนั้นก็ดำเนินการประกาศขายทรัพย์ต่อไปตามพินัยกรรม ยกเว้นห้องชุดย่านประตูท่าแพ จำนวน 1 แปลง ที่โอนเป็นชื่อของบริษัท ปางช้างแม่สา จำกัด ได้เลย และแปลงแรกที่โอนสำเร็จคือ อาคารชุด 2 ชั้นครึ่ง ย่านบ้านท่อ ต.ป่าตัน อ.เมือง จ.เชียงใหม่ แปลงที่ 2 ห้องชุดของดวงตะวันคอนโด แปลงที่ 3 อาคารชุดย่านท่าแพ และแปลงที่ 4 ที่ดินมรดกที่นายชูชาติ กัลมาพิจิตร ได้รับมาจากนายเชิด กัลมาพิจิตร จำนวน 37 ตารางวา
ผู้สื่อข่าวขอสัมภาษณ์ นางฐิติรัตน์ กัลมาพิจิตร ผู้จัดการมรดกร่วมฯและทนาย ที่กำลังเดินทางเข้ามาสำนักงานที่ดินจังหวัดเชียงใหม่เสร็จในวันนี้แล้ว นายพิมลศักดิ์ วรรณประภา ทนายความนางฐิติรัตน์ กล่าวว่า วันนี้การโอนโฉนดที่ดินอาคารชุดเป็นไปด้วยความเรียบร้อย เป็นนิมิตรหมายที่ดี ค่าธรรมเนียมโอนก็ไม่แพง เช่นบางแปลงค่าโอนแปลงละ 75 บาทเป็นต้น การนัดโอนก็จะมีการนัดกันอีกจำนวนหลายแปลง
“ทนายคุณอัญชลี เขายื่นต่อศาลร้องขอเผิกถอนการเป็นผู้จัดการมรดกร่วม แต่ผมได้พยายามทำทุกอย่าง และโฉนดที่ดินบางแห่ง พินัยกรรมระบุไว้ว่าโอนได้เฉพาะอาคาร ไม่สามารถโอนที่ดินได้นั้น ตามพินัยกรรมทำตามเอกสาร แต่เมื่อมีการพูดคุยตกลงกันได้ของผู้จัดการมรดกร่วมกัน ก็สามารถโอนพร้อมกันได้ทั้งที่ดินและอาคาร ไม่น่ามีปัญหาอะไร” ทนายนางฐิติรัตน์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถาม นางฐิติรัตน์ วันนี้รู้สึกอย่างไรที่มาจัดการมรดก นางฐิติรัตน์ กล่าวว่า “ก็ดี ทุกอย่างวันนี้ราบรื่น การมีปัญหาทุกอย่างต้องคุยกัน พินัยกรรมมันอยู่ที่คนทำ ต้องอยู่ผู้จัดการมรดกร่วมจะแก้ปัญหาอย่างไร ทนายกล่าวเสริม ทางคุณฐิติรัตน์ ได้บอกกับผมว่า เราต้องการอะลุ่มอล่วย อย่าไปยึดตามอักษรพินัยกรรม ก็อยากฝากบอกให้อ่านในพินัยกรรม ข้อ5 อ่านช้าๆหลายๆครั้ง พินัยกรรมมีเจตนาทำไว้อย่างไร บรรดาค่าใช้จ่ายต้องจ่ายก่อน ค่าใช้จ่ายต้องเบิกกับกองมรดกตามความเป็นจริงแล้วค่อยแบ่งทรัพย์มรดก ทนายกล่าว
กรณีการพูดคุยกัน เรื่องนี้ผู้สื่อข่าวถามนางอัญชลี ว่ามีการพูดคุยกันหรือไม่ นางอัญชลีกล่าวว่า ตนได้ทำจดหมายไปที่บ้านของนางฐิติรัตน์ ที่ อ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย ทำจดหมายติดต่อไปหลายครั้ง แต่จดหมายตีกลับหลายครั้ง นี้เป็นเพียง 2 ฉบับที่นำมาให้ดูวันนี้เท่านั้น นางอัญชลีกล่าว