ถือเป็นอีกคำถามที่คาใจใครหลายคน นั่นก็คือ เส้นทางของรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ ยี่ห้อดูคาติ คันที่ ส.ต.ต.นรวิชญ์ ขับขี่จนเกิดอุบัติเหตุพุ่งชน “หมอกระต่าย” จนเสียชีวิตนั้นเป็นรถของกลางหรือไม่ และได้มาครอบครองได้อย่างไร ล่าสุดทีมข่าวตรวจสอบพบว่าผ่านมาแล้วอย่างน้อย 8 มือ
จากกรณีที่มีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ พิชัย สอนทอง โพสต์ภาพรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อดูคาติ ทะเบียน 1กผ 9942 เชียงราย คันที่ ส.ต.ต.นรวิชญ์ บัวดก ผบ.หมู่ กองร้อยที่ 2 กองกำกับการ 1 กองบังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชน (กก.1 บก.อคฝ.) ขับขี่พุ่งชน พญ.วราลัคน์ สุภวัตรจริยากุล หรือ “หมอกระต่าย” จักษุแพทย์โรงพยาบาลรามาธิบดี จนได้รับบาดเจ็บสาหัส ก่อนจะเสียชีวิตในเวลาต่อมา พร้อมข้อความว่า ตนไม่ได้ขายรถให้ตำรวจไป แต่ลูกค้าที่ซื้อไปถูกจับ ตำรวจยึดรถไว้ ก่อนที่ตำรวจจะเอารถออกไปขี่จนชนหมอกระต่ายเสียชีวิต และยังมีการจะมาจับคนที่มีชื่อปรากฏเป็นผู้ครอบครอง จนทำให้โลกโซลเชียลมีการแชร์โพสต์ดังกล่าวและเริ่มพูดถึงในประเด็นที่มาของรถคันนี้อีกครั้งว่า การชี้แจงของตำรวจที่มีการเอาสัญญาซื้อขายรถมาแสดงต่อสื่อมวลชนนั้นถูกต้องหรือไม่
ทีมข่าวจึงมีการติดต่อไปยังผู้โพสต์รายดังกล่าวชื่อ นายหนุ่ย ได้ให้ข้อมูลว่า ได้รับการติดต่อจากลูกค้าที่ตนเองรับซื้อรถมาว่า รถเกิดออุบัติเหตุและมีตำรวจมาที่บ้าน จึงทำให้เกิดความกลัว ตนจึงได้ออกมาโพสต์เพื่อปกป้องลูกค้า ซึ่งในส่วนของตัวรถ ผู้โพสต์มีการรับซื้อมาจากพ่อค้ารายหนึ่งจากจังหวัดสกลนคร เมื่อช่วงวันที่ 20 สิงหาคม ที่ผ่านมา ก่อนจะมีการขายไปยังลูกค้ารายหนึ่งในจังหวัดพิจิตร ส่วนที่ตนลบโพสต์แรกไปเพราะตกใจ หลังมีคนโทรติดต่อมาว่าให้ลบโพสต์ และตนก็ไม่ทราบว่าคนที่ติดต่อมาเป็นใครด้วยเช่นกัน
ซึ่งหลังลบโพสต์ไม่นาน ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายนี้ก็โพสต์อีกภาพที่เป็นภาพที่มีการขายรถไปให้กับผู้ซื้อรายใหม่ในจังหวัดพิจิตร พร้อมอธิบายว่า “ขอโทษที่ลบโพสต์ไป กระแสมันแรงมากจนผมตกใจครับที่ผมลงไปตอนแรก เจตนาคือผมแค่ออกมาปกป้องสิทธิให้ลูกค้าผมครับ ผมมีหลักฐานชัดเจนว่า ผมขายรถไปเมื่อวันที่ 25 ส.ค. 2562 ที่จังหวัดพิจิตร
ส่วนรถจะไปต่ออีกกี่มือผมก็ไม่ทราบได้ครับ ผมไม่ได้หิวแสงอะไรเลย และเลือกเสี่ยงจะลงเรื่องนี้ เพราะลูกค้าผมเครียดมาก ทักมาให้ผมช่วยเป็นพยานให้เขา ผมก็แค่ยืนยันช่วยลูกค้าว่าเค้าไม่ได้ใช้รถแล้ว รถก็ยังไม่ได้โอนเปลี่ยนชื่อเนื่องจากมีลูกค้าโทรมาเมื่อเช้าให้ยืนยันให้
นี่คือผลเสียของการโอนลอยแล้วไม่แจ้งขนส่ง พอมีการกระทำผิดอะไร ชื่อเจ้าของคนล่าสุดยังอยู่ในระบบ เขาก็จะซวยไปด้วย พอลูกค้าโทรมาบอกผมว่า รถโดนยึดไปไหม ทำไมรถไปอยู่กับตำรวจ ลูกค้ากลัวมีความผิดครับ เพราะจนถึงทุกวันนี้รถคันนี้ยังไม่โอนเปลี่ยนชื่อ
ผมหายไปเพื่อตั้งสติและรวบรวมข้อมูลมาลงใหม่โดยละเอียด ไม่ได้หิวแสง ไม่ได้อะไรจริงๆ ครับ”
ก่อนที่จะมีการแชร์โพสต์ดังกล่าวออกไปจำนวนมาก และมีผู้ใช้เฟซบุ๊กเข้ามาแสดงความคิดเห็นกันมากมายซึ่งส่วนใหญ่ต่างถามถึงสาเหตุว่าทำไมถึงมีการโพสต์ข้อความในลักษณะยืนยันว่าตำรวจเอารถของกลางมาใช้ จงใจทำให้เกิดความเข้าใจผิดหรือไม่ ซึ่งผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ พิชัย สอนทอง ได้มีการเข้ามาตอบคอมเมนต์สั้นๆ ว่า เป็นการใช้คำผิด และมีเจตนาแค่อยากปกป้องลูกค้า
ซึ่งเมื่อทีมข่าวติดต่อสอบถามไปที่พ่อค้าในจังหวัดสกลนคร ซึ่งเป็นผู้ที่ขายรถให้กับนายหนุ่ย จึงทราบว่า รถจักรยานยนต์คันนี้ พ่อค้ารายนี้ที่ชื่อว่า นายต่อ ได้มีการรับแลกเทิร์นรถจากนายไพฑูรย์ ที่มีชื่อปรากฏอยู่ในเล่มทะเบียนรถ เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม ซึ่งขณะนั้น นายไพฑูรย์ได้มีการนำรถดูคาติคันดังกล่าวมาเทิร์นกับรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่น ซีบี 1000 อาร์ ซึ่งนายไพฑูรย์ได้เพิ่มเงินเพื่อแลกเทิร์นรถกับตนเองในราคา 35,000 บาท เนื่องจากในขณะนั้น รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อดูคาติ ราคาตลาดจะอยู่ที่ประมาณ 130,000 – 140,000 บาท ซึ่งมีราคาตลาดที่ถูกกว่ารุ่นที่นายไพฑูรย์ต้องการแลกเทิร์นไป จึงต้องมีการเพิ่มเงิน ก่อนที่ตนจะนำรถคันดังกล่าวออกประกาศขาย จนนายหนุ่ย หรือผู้โพสต์รายนี้ ที่อยู่ในจังหวัดสุรินทร์ ได้ติดต่อมาซื้อไปเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2562
เมื่อทีมข่าวได้ติดต่อไปสอบถามนายไพฑูรย์ ถึงเหตุการณ์ที่ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ พิชัย สอนทอง โพสต์อ้างถึง ซึ่งนายไพฑูรย์ยืนยันว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ไม่ได้มีตำรวจมาที่บ้านตนเองแต่อย่างใด รวมถึงไม่ได้มีตำรวจติดต่อมาเพื่อสอบถามถึงตัวรถคันนี้ มีแต่สื่อมวลชนที่เข้ามาที่บ้านของบิดาที่อำเภอเชียงแสน เพื่อสอบถามถึงตัวรถ ซึ่งเมื่อตนทราบจากเพื่อนบ้านและบิดา จึงรู้สึกตกใจจนต้องเข้าไปลงบันทึกประจำวันกับตำรวจในจังหวัดเชียงรายเพื่อเป็นหลักฐานว่าตัวรถมีการขายไปตั้งแต่ปี 2562 และไม่มีความเกี่ยวข้องแต่อย่างใด ซึ่งขณะที่มีการซื้อขายกันก็มีการทำเอกสารการโอนลอยไว้ โดยไม่ทราบว่าผู้ที่ซื้อต่อไปจากร้านที่ตนขายเทิร์นไปเป็นใคร และไม่ทราบว่ารถดูคาติคันดังกล่าวยังไม่มีการโอนกรรมสิทธิ์ไปยังเจ้าของใหม่
อย่างไรก็ตาม ทีมข่าวยังตรวจสอบเส้นทางของรถจักรยานยนต์ดูคาติคันนี้ และพบว่า ก่อนจะมีการมาขายให้กับ นายปฏิภาณ ร้านค้าบิ๊กไบค์ย่านลาดพร้าว ที่เป็นร้านค้าที่ ส.ต.ต.นรวิชญ์ ซื้อมานั้น รถคันดังกล่าว นายปฏิภาณ ได้รับซื้อมาจาก นายสุชาติ เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2564 ในราคา 8 หมื่นบาท ซึ่งนายสุชาติ เมื่อตรวจสอบย้อนไปยังพบว่าซื้อต่อมาจากนายอ้น ที่อยู่ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เมื่อช่วงวันที่ 2 ธันวาคม 2562 ซึ่งนายอ้นเป็นพ่อค้าคนกลางที่ซื้อต่อมาจากอีกบุคคลหนึ่ง ในช่วงวันที่ 22 พฤศจิกายน 2562 และจนถึงจุดนี้ ทีมข่าวไม่สามารถหาความเชื่อมโยงของผู้ครอบครองก่อนหน้าได้เนื่องจาก นายอ้นไม่ได้เก็บข้อมูลผู้ขายไว้ เพราะผ่านมาหลายปีแล้ว
ทั้งนี้ ทีมข่าวได้มีการพูดคุยสอบถามไปยัง นายสุชาติ ผู้ที่มีประวัติครอบครองรถคันดังกล่าวนานที่สุด ซึ่งนายสุชาติให้ข้อมูลกับทีมข่าวว่า ตนซื้อต่อมาจาก นายอ้น จากจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ในขณะนั้นซื้อมาในราคา 100,000 บาท และนำมาใช้เพื่อเดินทางไปทำงาน ตนอยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร มีระยะทางจากที่บ้านไปยังที่ทำงานประมาณ 5 กิโลเมตร และมีไฟแดงหลายช่วง ทำให้เมื่อใช้รถดูคาติคันดังกล่าวจึงเกิดปัญหาจุกจิกเกี่ยวกับการใช้งาน เช่น ความร้อนของตัวรถทำให้เครื่องดับ รวมถึงระบบสตาร์ต และระบบการชาร์จไฟเข้าระบบแบตมีปัญหา จึงตัดสินใจจอดรถไว้เพราะไม่สามารถใช้งานได้ ซึ่งรถคันดังกล่าวมีการจอดทิ้งไว้เป็นปีก่อนจะตัดสินใจขายต่อให้กับนายปฏิภาณไปตามวันดังกล่าว ยืนยันว่ารถคันนี้เป็นรถที่มีเล่มทะเบียนถูกต้อง ไม่ใช่รถที่เคยถูกยึดแต่อย่างใด
ไทม์ไลน์การครอบครองรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ ยี่ห้อดูคาติ คันที่เกิดเหตุชน “หมอกระต่าย” จนเสียชีวิต
- รถดูคาติคันนี้ ถูกซื้ออกมาจากร้านครั้งแรกเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2561 ผู้ครอบครองคนแรก คือ นายไพฑูรย์ เสาร์หลวง ชาวอำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย ราคาแรกซื้ออยู่ที่ 4 แสนบาท ใช้อยู่ประมาณ 1 ปีกว่า
- นำไปแลกเปลี่ยนเป็นรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่น CBR 1000 และเพิ่มเงินอีก 35,000 บาท กับ นายพิศิษฐ์ ขันทเวทย์ หรือ ต่อ ชาวจังหวัดสกลนคร เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2562 โดยเป็นการโอนลอยไว้
- 20 สิงหาคม 2562 รถถูกปล่อยต่ออีกรอบ ไปที่ นายพิชัย สอนทอง ชาวจังหวัดสุรินทร์ อยู่ที่นี่เพียง 5 วัน
- 25 สิงหาคม ถูกขายต่อให้กับพ่อค้ารถชาวจังหวัดพิจิตร
- จากนั้นระหว่างวันที่ 25 สิงหาคม 2562 ถึง 22 พฤศจิกายน 2562 ยังอยู่ระหว่างตรวจสอบว่าใครเป็นผู้ครอบครอง เพราะเมื่อทีมข่าวไล่ตรวจสอบอีกครั้งพบว่า รถมาปรากฏว่าอยู่กับ นายอ้น ชาวจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ในวันที่ 22 พฤศจิกายน 2562
- ก่อนจะถูกขายต่อไปในวันที่ 2 ธันวาคม 2562 ให้กับ นายสุชาติ ชาว กทม. ในราคา 1 แสนบาท ซึ่ง นายสุชาติ ได้ครอบครองรถคันนี้อยู่ถึง 2 ปี ตั้งแต่วันที่ 2 ธันวาคม 2562 ถึง 10 ธันวาคม 2564 และช่วงนี้เองที่ขาดการต่อทะเบียน เพราะรถเสียจอดอยู่เป็นปี
- ก่อนที่ นายสุชาติ จะขายต่อให้กับพ่อค้า คือ นายปฏิภาณ ชาว กทม. เช่นกัน ในราคา 8 หมื่นบาท ในวันที่ 10 ธันวาคม 2564 และรถคันนี้ก็ตกมาอยู่ในมือของ ส.ต.ต.นรวิชญ์ ในวันที่ 14 ธันวาคม 2564 ซึ่งซื้อมาในราคา 113,000 บาท แต่ยังไม่มีการโอนรถ ทำให้ต่อภาษีไม่ได้ กระทั่งเกิดอุบัติเหตุกับหมอกระต่าย
นอกจากนี้ จากการตรวจสอบของทีมข่าว พบว่า รถคันดังกล่าวมีผู้ใช้จริงเพียง 3 คน คือ 1. นายไพฑูรย์ คนแรกที่ซื้อ 2. นายสุชาติ ที่ซื้อมาเมื่อเดือนธันวาคม 2562 และ 3. ส.ต.ต.นรวิชญ์ ที่เหลือคือพ่อค้าที่ซื้อมาขายไป หลายคนไม่ได้มีหน้าร้านแต่เป็นการขายผ่านเพจเฟซบุ๊ก