15 พ.ย. 2564 เวลา 10:04 น.
จังหวัดพิจิตรถือเป็นแหล่งเพาะปลูกข้าวอันดับต้นๆของจังหวัดทางภาคเหนือ แต่ในพื้นที่ อ.บางมูลนากของจังหวัดพิจิตร เกษตรกรบางส่วนสามารถทำนาได้เพียงปีละครั้ง เนื่องมาจากภาวะขาดแคลนแหล่งน้ำในการทำเกษตรกรรม ส่งผลให้เกษตรกรมีรายได้ไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่ายตลอดทั้งปี และก่อให้เกิดหนี้สินระยะยาวตามมา
ด้วยปัญหาดังกล่าว ทางสหกรณ์การเกษตรบางมูลนาก จำกัด จึงได้มองหาอาชีพเสริมให้กับสมาชิกสหกรณ์ เพื่อเพิ่มรายได้ในช่วงหลังฤดูทำนา นั่นก็คืออาชีพเลี้ยงแพะหรือแกะเพื่อจำหน่าย ซึ่งการเลี้ยงแพะไม่จำเป็นต้องใช้พื้นที่เยอะ รวมไปถึงไม่จำเป็นต้องใช้ปริมาณน้ำจำนวนมากเหมือนการเพาะปลูกพืชต่างๆ
นายชูเดช ละออ เกษตรกรฟาร์มแพะ-แกะ เล่าว่า ปัญหาในการทำนามักเผชิญกับภาวะฝนแล้ง บางปีก็น้ำท่วม ทำให้เก็บเกี่ยวผลผลิตได้ไม่สม่ำเสมอ ทางสหกรณ์การเกษตรบางมูลนากจึงมีโครงการไปศึกษาดูงาน รวมไปถึงหากใครสนใจอยากเลี้ยงแพะหรือแกะให้ไปลงชื่อ ทางสหกรณ์ฯจะหาพ่อพันธุ์แม่พันธุ์มาให้ รวมไปถึงมอบเงินทุนจำนวนหนึ่งในการสร้างโรงเรือน นอกจากนี้สหกรณ์ฯยังเผยว่าตอนแรกฟาร์มมีแพะ-แกะแค่เพียงประมาณ 10 ตัวเท่านั้น แต่ตอนนี้มีประมาณร้อยกว่าตัวแล้ว
ด้านนางสาวไพรินทร์ สุขเล็ก สหกรณ์จังหวัดพิจิตร กล่าวว่า หัวใจหลักของการส่งเสริมอาชีพนี้ให้กับสมาชิกคือ ตลาดต้องเป็นผู้นำในการผลิต ทางสหกรณ์จะเป็นพี่เลี้ยงและประสานงานกับสหกรณ์ในพื้นที่ว่าจะหาคู่ค้าจากที่ไหนได้บ้างที่จะมารับซื้อผลผลิตจากสมาชิก เพราะมีผลผลิตก็ต้องมีการขาย
นางสาวเบ็ณยทิพย์ อ่ำดิษฐ์ ผู้จัดการสหกรณ์การเกษตรบางมูลนาก จำกัด กล่าวว่า เรื่องของตลาดเรามีการทำเอ็มโอยู (MOU) กันระหว่างก้องภพฟาร์ม จ.ชัยนาท และพ่อค้าทั่วไปบ้างแล้ว ทางสหกรณ์ได้เป็นผู้ประสานงานกับพ่อค้าคนกลางให้
ในปัจจุบันมีแพะอยู่ประมาณ 1,500 ตัว กับฟาร์ม 22 แห่ง ซึ่งกระบวนการทั้งหมดทางสหกรณ์ฯได้ออกตรวจเยี่ยมอยู่เป็นประจำในเรื่องของการเลี้ยงดู การดูแลเรื่องของโรค โดยมีการประสานไปยังกรมปศุสัตว์จังหวัดและปศุสัตว์อำเภอที่จะเข้าไปตรวจเยี่ยมด้วยกัน เพื่อให้ฟาร์มมีการดูแลที่มีคุณภาพ สัตว์ปลอดโรค และแพะ-แกะต้องไม่เจ็บป่วย