โจ๋พิจิตร ถูกแม่บังคับกักตัว 14 วัน เดินทางจากกทม. เครียดหนักวิ่งหนีโดดน้ำน่านเสียชีวิต

เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2564 เวลา 18.00 น. ร.ต.ท.หญิง ศิริรัตน์ บุญอ่อน ร้อยเวร สภ. เมืองพิจิตร ได้รับแจ้งว่ามีคนโดดน้ำในแม่น้ำน่านเสียชีวิต เหตุเกิดบริเวณ ใกล้สะพานแขวน ข้ามแม่น้ำน่านบริเวณหน้าวัดราชเชิงขวัญ หมูที่ 2 ตำบลปากทาง อำเภอ เมืองพิจิตร หลังจากที่ได้รับแจ้งจึงเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ มีชาวบ้านมุ่งดูกันเป็นจำนวนมาก และได้ประสานกู้ภัยพร้อมด้วยกู้ภัยจาก 2 จังหวัด ไม่ว่าจะกู้ภัยพิจิตร กู้ภัยปอเต็กตี๊ง กู้ภัยจังหวัดเพชรบูรณ์ กว่า 30 คน ค้นหา

ซึ่งขณะนี้ยังไม่สามารถค้นหาศพเจอ เนื่องจากเป็นช่วงเวลามืดทำให้ค้นหาด้วยความยากลำบาก ทราบชื่อ วัยรุ่นดังกล่าวภายหลังชื่อ นายอนุชิต  อายุ 19 ปี

จาการสอบสวน นางอุดมศรี อายุ 40 ปี แม่ผู้ตาย ให้การกับตำรวจว่า บุตรชาย ทำงานอยู่ที่ กทม. หลังจาก ตกงานได้เดินทาง กับมาบ้าน เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม ปรากฏว่า การกลับมาบ้านครั้งนี้ ต้องถูกกักตัว 14 วันเนื่องจาก กทม. นั้น เป็นพื้นที่สีแดง ซึ่งนาย อนุชิต นั้น เพิ่งกักตัว ได้ 2 วัน เกิดอาการเครียด เนื่องจากขอ แม่ออกนอกบ้านเพื่อจะไปพบปะเพื่อนฝูง

แต่ปรากฏว่าแม่และญาติๆ ไม่ยอมให้ออก เนื่องจาก จังหวัดพิจิตร นั้น เข้มในเรื่องมาตรการโควิด ทำให้นายอนุชิต เกิดความน้อยใจ ตะโกนว่าไม่มีใครรักจากนั้นได้วิ่งออกจากบ้าน มาทาง แม่น้ำน่านซึ่งมี นางอุดมศรี ผู้เป็นแม่ตามมาติดๆ และตะโกน เรียกนาย อนุชิด แต่ นายอนุชิดไม่ฟังกับวิ่งลง ไปในแม่น้ำน่าน และกระโดดน้ำ ต่อหน้าแม่จมหาย ไป

ทางด้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมูที่ 2 ตำบลปากทาง อำเภอเมืองพิจิตร กล่าวว่า สาเหตุ ที่ นายอนุชิด กระโดดน้ำในแม่น้ำน่านเสียชีวิตนั้นเกิดจาก นายอนุชิดเพิ่มกลับมาจาก กทม. และจะต้องทำตาม มาตรการของจังหวัดพิจิตรจะต้องกักตัว 14 วัน แต่นาย อนุชิดเพิ่งกักตัวได้แค่เพียง2 วันจากนั้น เกิดความเครียด ไม่สามารถ ออกจากบ้านได้ จึงขอแม่ออกไปเพื่อพบเพื่อนฝูงแต่แม่ไม่ให้ไป เลย เกิดความน้อยใจ มากระโดดน้ำดังกล่าว ขณะนี้ยังไม่สามารถค้นหาศพเจอได้เนื่องจากเป็นช่วงกลางคืน ซึ่งขณะนี้เวลา 221.00น. ก็ยังค้นหาศพไม่เจอ

ผู้เสื่อข่าวรายงานจากจังหวัดพิจิตรว่าขณะ กู้ภัยกว่า 30ชีวิต ระดมกำลังค้นหาศพในแม่น้ำน่าน ปรากฏว่า การค้นหา ด้วยความยากลำบากกระแสน้ำแรง ซึ่งขณะนี้ยังไม่สามารถ หาศพ ได้ ขณะกำลังค้นหา นางอุดมศรี ผู้เป็นแม่ นั่งร้องไห้ เป็นลมแล้ว เป็นลมอีก สร้างความเศร้าสลด กับประชาชนที่มามุงดู เป็นจำนวนมาก